น้องกีมีตกขาวสีผิดปกติ หรือมีกลิ่น บ่งบอกถึงอะไร
ในช่วงวัยเจริญพันธุ์ จะมีฮอร์โมนเอสโตรเจนที่สร้างจากรังไข่ ส่งผลต่อสารคัดหลั่งในช่องคลอดหรือที่เราเรียกว่าตกขาว มีหน้าที่ช่วยในการหล่อลื่น ป้องกันการติดเชื้อ และระคายเคือง ปริมาณตกขาวในแต่ละวันประมาณ 1-4 มิลิลิตร สร้างมาจาก ต่อมขับมูกที่ปากมดลูก การหลุดลอกของเยื่อบุผนังช่องคลอด เชื้อเจ้าถิ่น และการซึมผ่านของเหลวจากผนังช่องคลอด โดยเชื้อ แลคโตบาสิลัส(LACTOBACILLI ) จะเปลี่ยนไกลโคเจน ผนังช่องคลอดเป็นกรดแลคติค จึงทำให้ช่องคลอดมีภาวะ เป็นกรด PH 3.8-4.4 ซึ่งช่วยปกป้องและยับยั้งการเจริญเติบโต ของเชื้อที่ทำให้เกิดโรค เป็นเหตุผลที่เราไม่ควรสวนล้าง หรือล้วง ทำความสะอาดในช่องคลอด เป็นส่งผลต่อสภาพแวดล้อม ในช่องคลอด
ตกขาวปกติจะมีสีขาว ใส บางครั้งจะมีลักษณะเหนียว ส่วนใหญ่ ไม่มีกลิ่น และอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงตามรอบประจำเดือน เช่น วันที่ 1-5 ของรอบเดือน: เป็นช่วงที่มีเลือดประจำเดือน จะไม่สามารถเห็นตกขาวได้ชัด


 
วันที่ 6-14 ของรอบเดือน : ส่วนมากจะมีตกขาวน้อยกว่า ช่วงปกติ ตกขาวมีสีขาวขุ่นอาจมีลักษณะเหนียวได้ ในช่วงนี้ ถ้าน้องกีมีตกขาวข้น มีกลิ่นคาว คัน อาจบ่งบอกถึงการติด เชื้อได้ ให้มาพบแพทย์เพื่อตรวจรักษา
วันที่ 14-25 ของรอบเดือน : ในช่วงก่อนวันตกไข่ ตกขาว อาจมีลักษณะเป็นเมือกลื่นๆ คล้ายไข่ขาว แต่หลังจากมีการตกไข่ ตกขาวจะกลับมามีลักษณะขุ่น มีสีขาวอีกครั้ง
วันที่ 25-28 ของรอบเดือน : ก่อนมีประจำเดือน จะเป็นช่วง ที่ตกขาวมีปริมาณน้อยลงการตั้งครรภ์ การรับประทานหรือ ฉีดยาคุมกำเนิด ก็มีผลต่อตกขาวเช่นกัน
ลักษณะตกขาวที่มีสีขาวข้นเป็นก้อน เหลือง เขียว เทา หรือสีปนเลือด เป็นสัญญานของความผิดปกติที่เกิดขึ้น และ บางครั้งอาจพบร่วมกับกลิ่นเหม็นผิดปกติ อาการคัน บวม แดง หากมีอาการดังกล่าวควรรีบมาพบแพทย์
 
สีของตกขาวบ่งบอกอะไรได้บ้าง


 
เฉดสีขาว : ตั้งแต่สีขาวจนถึงสีเหลืองอ่อน ลักษณะเช่นนี้จะถือ เป็นตกขาวปกติที่พบได้ทั่วไป เช่นการตั้งครรภ์ ช่วงไข่ตกกลางรอบประจำเดือน แต่หากมีอาการผิดปกติ เช่น มีกลิ่น คัน หรือตกขาวมีลักษณะเป็นก้อนอาจเกิดจาก การติดเชื้อราได้

เฉดสีใส : ตกขาวปกติส่วนใหญ่จะมีลักษณะเช่นนี้ คือ ใสหรือ ค่อนข้างขาว ลื่น ลักษณะคล้ายไข่ขาว
 
เฉดสีแดง : เลือดในช่วงที่มีประจำเดือน โดยทั่วไปจะเกิดขึ้นทุก 28 วัน หรืออยู่ในช่วง 21-35 วัน และจะใช้เวลาประมาณ 3-5 วัน แต่หากมีเลือดออกในช่วงอื่นนอกเหนือจาก ช่วงที่มีประจำเดือน ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหา สาเหตุต่อไป
 
เฉดสีเหลืองเขียว : ลักษณะสีเหลืองเข้ม เหลืองเขียว จนถึงเขียว เป็นเฉดสี ที่แสดงให้เห็นถึงความผิดปกติที่อาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อาจมี อาการอื่นๆร่วมด้วยเช่น แสบ ระคายเคือง ปัสสาวะไม่สุด ขัด และยิ่งถ้ามีอาการไข้ ปวดท้อง ควรรีบไปพบแพทย์ หากไม่ได้รับการดูแลรักษาอาจทำให้เกิดถุงหนองใน อุ้งเชิงกราน พังผืดในช่องท้อง ปวดท้องน้อยเรื้อรัง ซึ่งเกิดจากเชื้อเหล่านี้เข้าไปสู่ท่อนำไข รังไข่ ซึ่งอยู่ในช่องท้อง
 
เฉดสีเทา : ตกขาวสีเทาเป็นลักษณะเด่นของการติดเชื้อแบคทีเรีย ในช่องคลอด โดยอาจมีอาการแสดงอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น มีกลิ่น คัน ระคายเคือง หรือมีอาการแดง บริเวณรอบๆ ช่องคลอด หากมีอาการเหล่านี้ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
 
สาเหตุที่ทำให้เกิดตกขาวผิดปกติ แบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มที่เกิดจากการติดเชื้อ และกลุ่มที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ
 
1. กลุ่มที่เกิดจากการติดเชื้อ
เช่น เกิดจากการติดเชื้อรา การติดเชื้อแบคทีเรีย พยาธิในช่องคลอด โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เช่น หนองในแท้ หนองในเทียม เริม การติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน

ลักษณะตกขาวผิดปกติที่พบบ่อย
เชื้อราในช่องคลอด (VAGINAL CANDIDIASIS)
ไม่ถือว่าเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เชื้อราที่พบ ได้บ่อยที่สุดคือเชื้อCANDIDA ALBICANS รองลงมา คือเชื้อ CANDIDA GRABATA ตกขาวจะสีขาวข้น เป็นก้อน มีอาการคันและระคายเคืองบริเวณช่องคลอด หรือภายในช่องคลอด มีอาการบวมบริเวณอวัยวะเพศ รู้สึกแสบร้อนขณะมีเพศสัมพันธ์หรือปัสสาวะ บางคน เกาจนมีผื่นแดงบริเวณอวัยวะเพศ แต่สตรีบางคน ไม่มีอาการ สตรีกลุ่มเสี่ยงต่อการเป็นเชื้อราได้แก่ การทานยาคุมกำเนิด กำลังตั้งครรภ์ เป็นโรคเบาหวาน ที่ไม่ได้ควบคุม มีระบบภูมิคุ้มกันต่ำ หรือ ทานยา กดภูมิคุ้มกัน
 
ภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย (BACTERIAL VAGINOSIS)
เป็นอาการอักเสบในช่องคลอด ซึ่งเกิดจากความ ไม่สมดุลของแบคทีเรียภายในช่องคลอด จะมีตกขาว ผิดปกติ ซึ่งอาจมีตกขาวสีเขียว สีเทา หรือสีขาว ที่มีลักษณะเป็นน้ำ เป็นฟอง หรือเป็นแผ่น ระคายเคือง หรือคันบริเวณช่องคลอด แสบร้อนเวลาปัสสาวะ มีกลิ่นเหม็นคาวปลา ซึ่งจะรุนแรงขึ้นโดยเฉพาะหลัง ร่วมเพศ สำหรับสตรีมีครรภ์อาจมีความเสี่ยงเล็กน้อย ต่อการแท้งบุตร ภาวะถุงน้ำคร่ำแตกก่อนการเจ็บครรภ์ การคลอดก่อนกำหนดที่ส่งผลให้ทารกมีน้ำหนักตัวน้อย ภาวะถุงน้ำคร่ำอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อของ เยื่อหุ้มทารกและน้ำคร่ำ และภาวะเยื่อบุโพรงมดลูก อักเสบหลังคลอด
 
โรคพยาธิช่องคลอด (VAGINAL TRICHOMONIASIS)
เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดหนึ่งซึ่งเกิดจาก เชื้อโปรโตซัวที่เรียกว่า TRICHOMONAS ตกขาว จะมีลักษณะสีเหลืองเขียว หรือสีเทา เป็นฟอง มีอาการ คัน ช่องคลอดมีกลิ่นเหม็น แดง และแสบภายใน ช่องคลอดหรือบริเวณช่องคลอด อาจรู้สึกเจ็บปวด ขณะมีเพศสัมพันธ์ ระคายเคืองขณะปัสสาวะ โรคพยาธิในช่องคลอดติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ รวมถึงการสัมผัสบริเวณอวัยวะเพศและสามารถ ติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างหญิงกับ หญิงก็ได้ ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงในการติดโรคนี้ ได้แก่ เปลี่ยนคู่นอนบ่อย มีประวัติในการเป็นโรคติดต่อ ทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ มีประวัติในการเป็นโรคพยาธิ ในช่องคลอดมาก่อน เนื่องจากโรคนี้ติดต่อผ่านกัน โดยการมีเพศสัมพันธ์เป็นหลัก แต่การใช้ภาชนะ โถสุขภัณฑ์ร่วมกับผู้ป่วย ก็สามารถทำให้ติดต่อได้ และการรักษาต้องรักษาคู่นอนด้วยเช่นกัน วิธีการ ป้องกันการติดเชื้อได้แก่ ไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย สวมถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์

2. กลุ่มที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ
เช่น ช่องคลอดแห้ง ซึ่งพบได้ในภาวะหมดประจำเดือน หรือวัยทอง การมีสารแปลกปลอมในช่องคลอดเช่น ผ้าอนามัยแบบสอด ถุงยางอนามัย การระคายเคืองจากการใช้ผลิตภัณฑ์ ทำความสะอาด การสวนล้างช่องคลอด และมะเร็งระบบสืบพันธ์เช่นมะเร็งปากมดลูก มะเร็งท่อนำไข่ มะเร็งช่องคลอดเป็นต้น


FOOD TO IMPROVE YOUR
VAGINAL HEALTH

 
1.GREEK YOGURT  2.LEMON  3.CRANBERRYJUICE  4.GARLIC  5.KALE
 
ส่วนการทานโปรไบโอติค (PROBIOTIC) ซึ่งมีการใช้อย่าง แพร่หลายในการรักษาโรคทางลำไส้ ปัจจุบันข้อมูลการทาน โปรไบโอติค ที่มีผลต่อระบบสีบพันธ์ยังไม่ชัดเจน โดยการทาน โปรไบโอติค ช่วยส่งเสริมการคงอยู่ต่อสภาพแวดล้อม โดยเฉพาะเชื้อแลคโตบาซิลลัสที่ผลิต BACTERIOCIN และ HYDROGEN PEROXIDE (H2O2) สามารถยับยั้งเชื้อที่ก่อโรค และ คงสภาพความเป็นกรดช่องคลอด ซึ่งส่งผลลดการติดเชื้อ ในช่องคลอด
ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลเรื่องอาหารใช้รักษาช่องคลอดอักเสบ แต่เราสามารถทานอาหารทีส่งผลดีต่อระบบภูมิคุ้มกัน ในร่างกายได้เช่น โดยการทานโยเกิตร์ น้ำมะนาว กระเทียม เป็นต้น ให้หลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูงซึ่งอาจจะส่งผลต่อ การติดเชื้อราในช่องคลอด (ภาพจาก HTTPS://ANTHONYSIOW.COM/ GYNAECOLOGY/VAGINAL-DISCHARGE/)
 
ปัญหาความผิดปกติของตกขาวสามารถป้องกันได้
 
โดยปกติแล้วบริเวณช่องคลอดจะมีแบคทีเรียทีเรีย เจ้าถิ่นอยู่ ทำหน้าที่คอยปกป้องช่องคลอดไม่ให้เกิดการติดเชื้อ การนอนหลับพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ อาจส่งผล ให้ภูมิคุ้มกันต่ำลง หรือการทานยากดภูมิ การรับประทาน ยาฆ่าเชื้อ อาจเป็นการรักษาโรคหวัดและอื่น ๆ จะส่งผลให้แบคทีเรียเจ้าถิ่นที่ดี ถูกทำลายได้ส่งผลต่อการติดเชื้อในช่องคลอด การป้องกันได้โดยการทำร่างกายให้แข็งแรง โดยออกกำลังกายสม่ำเสมอ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ งดสุราและบุหรี่ หรือปรับพฤติกรรมบางอย่าง เช่น หลีกเลี่ยงการสวมเสื้อผ้าอับชื้น หลังเล่นกีฬา ไม่ใส่กางเกงในรัดเกินไป การดูแลความสะอาดช่วงมีประจำเดือน หลีกเลี่ยงการทานยาฆ่าเชื้อติดต่อเป็นเวลานาน ไม่ควร สวนล้างช่องคลอด หรือฉีดน้ำล้างช่องคลอดเป็นเวลานาน อาจส่งผลให้เชื้อแบคทีเรียเจ้าถิ่นตายและเกิดการติดเชื้อได้ง่ายอีกด้วย
สำหรับการทำความสะอาดช่องคลอดควรทำความสะอาด ในระดับที่พอดีกับความต้องการของร่างกาย ไม่จำเป็น ต้องทำความสะอาดมากเกินไป เพราะจะทำให้ผิวหนัง บริเวณช่องคลอดบาง หรือส่งผลให้เชื้อแบคทีเรีย เจ้าถิ่นตายและเกิดการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
ข้อแนะนำสำหรับผู้หญิงที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไปที่มีเพศสัมพันธ์ ควรตรวจภายในเช็คมะเร็งปากมดลูกเป็นประจำ เพื่อ ตรวจหาสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นและทำการรักษา หรือถ้ามี เพศสัมพันธุ์แล้วพบอาการตกขาวผิดปกติก็ควรเข้ารับ การตรวจรักษาเช่นกัน และควรได้รับคำแนะนำในการ ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธุ์ การฉีดวัคซีนป้องกัน มะเร็งปากมดลูก และการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพ เช่นกัน