ไขทุกข้อสงสาย เกี่ยวกับการดูดไขมันเหนียงกับ Natchaya Clinic
ดูดไขมันเหนียงต่างจากการฉีด Botox ยังไง?
โบท็อกซ์ หรือ Botulinum toxin เป็นโปรตีนที่สกัดได้จากการสร้างของแบคทีเรีย “คลอสตริเดียม โบทูลินั่ม (Clostridium botulinum)” การฉีดโบท็อกซ์ เป็นการทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดอ่อนแรงลงชั่วคราว สามารถเห็นผลหลังฉีด2-3วัน และสลายไปเองใน6-8เดือน ส่วนการดูดไขมันเหนียง คือการดูดไขมันสะสมไต้ผิวหนัง บริเวณไต้คาง โดยการอาศัยเครื่องดูดไขมันต่าง ๆ เข้าช่วยในการสลายไขมัน
อายุเท่าไหร่ถึงดูดไขมันได้ ?
การดูดไขมันเหนียง ทำได้ทุกเพศ ตั้งแต่คนที่อายุ 20 ปีขึ้นไป จนถึงอายุ 60 ปี ในคนที่สุขภาพร่างกายแข็งแรง และสุขภาพจิตดี
คนที่เป็นโรคเบาหวาน ดูดไขมันเหนียงได้ไหม ?
คนที่เป็นโรคเบาหวาน ไม่ควรดูไขมันค่ะ เนื่องจากการดูดไขมันในกลุ่มผู้ป่วยเบาหวาน จะทำให้ร่างกายของคนไข้สร้างของเหลวมาทดแทน ไขมันที่หายดูดออกไปขึ้นมาทดแทนไม่ทัน อาจจะทำให้ร่างกายของเราเกิดอาการช็อคได้ และเสี่ยงต่อการติดเชื้อในกระแสเลือด และภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมาค่ะ
ระยะเวลาในการพักฟื้นหลังดูดไขมันเหนียง
หลังดูดไขมันเหนียง คนไข้จะมีอาการบวมมากที่สุด ใน วันที่2-3วันแรก หลังจากนั้นอาการบวมจะค่อย ๆ ลดลง โดยส่วนใหญ่แล้ว คนไข้จะสามารถกลับมาทำงานได้ภายในไม่กี่วัน และสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติภายใน 2 สัปดาห์ แต่ระยะเวลาการฟื้นตัวหลังดูดไขมันขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองและสภาพร่างกายที่แตกต่างของคนไข้
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น หลังการดูดไขมันเหนียง
1.มีการบวมช้ำและอาจจะเกิดรอยแผลขนาดเล็ก บริเวณที่ทำการดูดไขมัน
2.มีอาการชา ซึ่งจะหายไปเองภายใน 6-8 สัปดาห์
3.เกิดการอักเสบในบริเวณที่รับการรักษา
4.มีการสะสมของของเหลว เป็นถุงใต้ผิวหนัง
5.ผิวหนังบริเวณที่ดูไขมันออกไป ไม่กระชับ มีลักษณะเป็นคลื่น เป็นไตแข็งๆ
การดูดไขมันเหมาะกับใครบ้าง?
1.คนที่มีไขมันส่วนเกินสะสมบริเวณไต้คางมาก จนดูเหมือนมีคางสองชั้น
2.คนที่รูปร่างไม่อ้วน แต่มีเหนียง
3.คนที่ต้องการให้เหนียงลดลงรวดเร็ว และไม่ต้องการดูดไขมัยซ้ำหลายรอบ
4.คนที่เคยใช้วิธีอื่นในการลดเหนียงแล้ว แต่ไม่เห็นผล
5.คนที่ต้องการความมั่นใจ